The Seaman ณ. อู่ตะเภา สัตหีบ [ half marathon แรกในชีวิต ]

The Seaman ณ. อู่ตะเภา สัตหีบ [ half marathon แรกในชีวิต ]

วันที่ 10 กันยายน 2560
          สวัสดีค่ะ เพื่อนๆ พี่ๆ เมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมาฝนได้มีโอกาสไปวิ่งงาน The Seaman ที่สนามบินอู่ตะเภา ซึ่งงานนี้ฝนได้สมัครและชำระเงินไว้แล้วเมื่อ 3 4 เดือนที่แล้วนักวิ่งทุกคนจะทราบดีว่าถ้างานไหนเป็นงานที่หน้าสนใจ หรือ ตรีมงานทำออกมาดีพร้อมกับผู้จัดเคยจัดงานออกมาดี จะมีการบอกปากต่อปากไปเรื่อยๆ งาน The Seaman เป็นหนึ่งในงานที่ฝนสมัครและสมัครงานในระยะ  half marathon หรือ 21 km. แรกในชีวิต  และ พยายามฝึกซ้อมแต่การฝึกของฝนไม่ได้ซ้อมถึงระยะ half อย่างที่วางแผนไว้ แต่ด้วยการตั้งเป้าไว้ให้กับตัวเองว่าเราจะต้องวิ่งระยะ half นี้ให้จบก่อนเวลาที่กำหนดไว้  ไม่จำเป็นต้องเร็ว เราจะวิ่งไปเรื่อยๆ  นี้คือเป้าหมายที่ตั้งเอาไว้ในระยะ half marathon แรก 

ก่อนวันงานวิ่งเราจะต้องไปรับ BIB หรือหมายเลขประจำตัวนักวิ่ง


ตื่นเต้นมากดูจากสีหน้าที่ยื่นยิ้มแป้น


สิ่งที่ได้มาคือ BIB , เสื้อ ,ผ้า ส่วนป้าย  ฮาล์ฟมาราธอนแรกนั้น พี่ที่ไปกับเราด้วยทำมาให้ค่ะ

---------------------- ตัดเข้ามาถึงวันวิ่ง ----------------------

งานวันวิ่งมาถึงฝนกับเพื่อนๆได้เตรียมตัวกันไปที่สนามในเวลาตี 4 ครึ่งในระยะที่ปล่อยตัวของ half marathon นั้นอยู่เวลาตี 5 


เหรียญได้วางเรียงไว้ให้นักวิ่งทุกระยะแลดูเป็นระเบียบเรียบร้อย  เหรียญในระยะที่เราจะได้ก็คือเหรียญที่เป็นสายสีแดงที่อยู่ไกลในรูปนั้นละ

เครดิต :: Kunmong

 ถึงเวลาปล่อยตัวนักกีฬาทุกคนให้นักกีฬาทุกคนไปอยู่ที่เส้นจุดสตาร์ท เรากับกลุ่มเพื่อนเราก็ได้วิ่งออกไปจากจุดสตาร์ทและเจอกันอีกครั้งที่หน้าเส้นชัยตอนวิ่งจบงาน

สรุปในช่วงเวลาที่ระหว่างวิ่ง

เราวิ่งไปเรื่อยตามความเร็วประจำที่ซ้อมด้วยอากาศตอนเช้าเย็นสดชื่นเพราะยังอยู่ในระยะเวลาตี 5  - 6 โมงเช้าเราวิ่งไปเรื่อยๆ ค่อยมีพี่ตากล้องเก็บรูปนักวิ่งอยู่เป็นช่วงๆ  ผ่านวิวที่เรียกว่าเป็นไฮไลท์ของสนามนี โดยระยะเวลาที่ผ่านมันยังมืดอยู่เราลงระยะฮาล์ฟก็ต้องปล่อยตัวเช้าตรู่อยู่แล้ว

พอเข้าช่วงเวลา 6 7 โมง สิ่งที่มองเห็นมันเริ่มชัดเจนและเริ่มทวีความร้อนขึ้นเรื่อยๆ  เรายังคงวิ่งไปเรื่อยๆ เช่นกัน แต่สิ่งที่ได้รับคือความร้อนและมันก็ทำให้นักวิ่งหน้าใหม่อย่างเราความเร็วตกเช่นกัน นักวิ่งหลายคนวิ่งแซงกันไป....  เรายังคงวิ่งไปเรื่อยๆ ความเร็วก็ยิ่งตกเพราะสิ่งที่ตามมาคือพื้นถนนร้อนระอุขึ้น  พอถึงจุดให้น้ำเราก็แวะทุกจุดให้น้ำเพราะน้ำช่วยลดความร้อนของร่างกายได้และยังทำให้เราวิ่งได้ต่อไป  ในระยะ half marathon ผู้จัดได้เตรียมเนินเล็กๆเอาไว้ให้ระทึกใจและดูดแรงจากการวิ่งไว้ 1 เนินแล้วค่อยกลับตัว

 ในช่วงระยะเวลาในการกลับตัวจะอยู่ในช่วงเวลา 7 8 โมง แดดในช่วงนั้นทวีความร้อนขึ้นอีก 5 ระดับ นักวิ่งทุกคนต้องวิ่งตามเขตกันที่ทางผู้จัดได้ทำการกันเอาไว้ให้และที่กันนั้นก็คือกรวยกันเขต ระยะในการกันนั้นแคบไปหน่อยทำให้เวลาส่วนทางกันนั้นต้องเบียดกันเพราะกับรถชนเอา ในช่วงเวลากลับตัวเป็นช่วงเวลาแดดทวีความร้อนมากขึ้นเรื่อยๆ จนบางทีจากการวิ่งกลายเป็นการเดินไปเรื่อยๆตลอดระยะทาง  และ ก็มาถึงจุดพีคของเราในกิโลที่ 15 ซึ่งอยู่ในช่วงเวลา 8 9 โมง  เราเริ่มหมดแรงและเริ่มตั้งคำถามว่าเรามาวิ่งแล้วได้อะไรบาง ร่างเราเริ่มอ่อนล้าเราค่อยๆเดินเพราะตอนนั้นเราวิ่งไม่ไหวแล้วเพราะพื้นถนนมันร้อน และ เท้าเราเริ่มมีอาการพอง  ทุกอย่างต้องวางแผนมากขึ้นเพราะเหลือเวลาอีก 1 ชม. จากที่วิ่งก็เดินและสิ่งสำคัญคือต้องเดินเร็วขึ้นกว่าเดินปกติเพื่อให้จบในเวลา 9 โมง ที่ทางผู้จัดได้กำหนดไว้  ในช่วง 1 ชม. สุดท้ายเราได้เจอน้องนักวิ่งที่มีอาการถอดใจแบบเรา จึงชวนเธอเดินร่วมทางให้ถึงเส้นชัยก่อนเวลาคัทออฟที่กำหนดไว้ระยะทาง 6 km. ทำให้เรามีความทรงจำดีๆเก็บไว้ 

สรุป half marathon แรก

-                     -   เรามีความสุขกับการวิ่ง half marathon ในครั้งนี้มาก  เพราะว่าเราได้กำลังใจจากเพื่อนๆในแก๊งค์วิ่งทุกคนรวมถึงระยะ 6 กิโลเมตรสุดท้าย แม้ว่าจะวิ่งถึงแล้วเราไม่รู้จักชื่อกันก็ตาม  และในความโชคดีของเราคือไซด์เสื้อ finisher ที่เราแจ้งไว้ยังไม่หมด  แต่ไม่กินผลไม้ตามจุดที่กำหนด น้ำที่ให้บริการถูกเทวิ่งไว้จนน้ำแข็งละลายความเย็นเริ่มคลายตัวแต่ก็ไม่มีการจัดแจงเทใหม่ปล่อยเอาไว้ให้นักวิ่งหยิบกันเอง  ได้กินตอน 1 กิโลเมตรสุดท้ายด้วยแตงโมง 1 ชิ้น พอถึงเส้นชัยอาหารที่เตรียมไว้กับข้าวมีเหลือ แต่ข้าวสวยหมด สุดท้ายเราไม่ได้ทานข้าว

-                         -     ผู้จัดควรปรับปรุงการจัดการงานให้ดีกว่านี้  เพราะ นักวิ่งแนวหลังวิ่งมาถึงจุดที่ให้ผลไม้ก็ต้องให้นักวิ่งเช่นกันไม่เพราะพวกเค้าเสียเงินมาวิ่ง พอถึงจุดเส้นชัยที่มีอาหารไว้ให้บริการกลับไม่มีบริการให้กับนักวิ่งแนวหลัง การวิ่งที่แดดร้อนจัด บวกกับปัจจัยหลายอย่างในการวิ่งทำให้เกิดอาการอ่อนเพลีย ควรมีอาหารและเครื่องดื่มให้เพียงพอ

-                         -     เสื้อ finisher ที่ทางผู้จัดกำหนดให้กับผู้ที่วิ่งจบทัน cut-off time ที่กำหนดควรมีความชัดเจนไม่ใช่มั่วกันไปหมดจนนักวิ่งบางคนไม่ได้รับเสื้อ เหตุการณ์นี้ไม่หน้าเกิดขึ้น  เพราะทุกอย่างตอนสมัครได้กรอกรายละเอียดชัดเจนอยู่แล้ว  เราเข้าใจความรู้สึกของนักวิ่งที่ไม่ได้เสื้อเพราะพี่นักวิ่งเหล่านั้นได้แจ้งข้อมูลอย่างชัดเจนไปแล้วในช่วงสมัคร ทางผู้จัดควรที่ตะหนักถึงเรื่องนี้ให้มาก finisher เพราะมันเป็นความรู้สึกที่นักวิ่งทุกคนอยากได้และเป็นเป้าหมายให้กับทุกคนวิ่งให้สำเร็จ

                  -     ความปลอดภัยของนักวิ่งทุกคนที่ผู้จัดควรคำนึงถึงแลให้ความสำคัญด้วยเช่นกัน 

-           เส้นทางวิ่ง
ระยะ 5 – 10 km. เป็นช่วงเวลาปล่อยตัวประมาณ 6 โมง วิวสวยมองเห็นทุกสิ่งอย่าง
ระยะทางวิ่ง 21 km. เราไม่รู้ว่าผู้จัดอยากให้นักวิ่งระยะนี้ชมอะไร แต่สิ่งที่เห็นคือ ทะเลมืดๆ ซึ่งมีแต่เสียง 
พอวิ่งออกไปก็เจอแต่ถนนและเสี่ยงต่อการโดนรถสอย แล้วสรุปว่่า 21km. ได้ชมอะไรค่ะ ?   
ระยะทางวิ่ง 42 km. ได้ไปเรือจักรีนฤเบศร

ขอจบการรีวิวงาน The seaman ณ. อู่ตะเภา
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่ะ
ฝน [ นักวิ่งแนวหลัง ]

ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น